หากใครที่กำลังถือครองคอนโดมิเนียมหรืออสังหาริมทรัพย์อยู่ และต้องการขายออกเพื่อปลดภาระหนี้สินก็ดี เพื่อการเก็งกำไรก็ดี
ลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็แล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าตนเองเริ่มถูกทางไหม การใช้ Agent อาจช่วยผ่อนแรงได้ก็จริงอยู่ แต่ก็มาพร้อมค่าใช้จ่าย หรือ commission ที่เราเรียกกันติดปากนั่นเอง
หลายคนที่กำลังต้องการจะขายคอนโด อาจจะกังวลเรื่องขั้นตอนยุ่งยากต่างๆ แต่จริงๆแล้ว หากคุณลองทำไปตามสเต็ปขั้นตอนเหล่านี้ รับรองว่าการขายคอนโดเองไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถแน่นอน
(1) การประกาศขายและช่องทางที่เป็นประโยชน์
ตามความเข้าใจของผู้เขียน Agent หรือนายหน้าขายคอนโด อาจจะแบ่งได้ 2 ประเภทหลักๆ
1) Agent แบบสัญญาเปิด ปัจจุบันเป็นรูปแบบนี้ค่อนข้างมาก Agent ส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบฟรีแลนซ์ที่รับงานมาและมีทีมงานช่วยปิดการขายให้ลูกค้าโดยเสนอการทำสัญญาเปิดกับเจ้าของหรือผู้ถือครองอสังหาฯนั้น
“สัญญาเปิด คืออะไร” คำตอบคือ สัญญาแบบไม่ผูกมัด จะมีการจ่ายคอมมิชชั่นในกรณีที่ Agent เจ้านั้นเป็นผู้ปิดการขายได้เท่านั้น หลายกรณีAgent 2-3 รายก็จะทำงานร่วมกัน และเมื่อปิดการขายได้ก็จะแบ่งค่าคอมมิชชั่นกันนั่นเอง ซึ่งAgent หนึ่งรายจะพยายามถือสัญญาเปิด กับลูกค้าหลายๆรายให้มากที่สุด เพื่อโอกาสในการขายที่มากขึ้น เมื่อมีผู้ซื้อต้องการซื้อ ก็สามารถเสนอได้ตรงความต้องการทั้งในแง่โลเคชั่น ราคา และองค์ประกอบอื่นๆ
- ข้อดี คือ ผู้ขายจะไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชั่น หากการปิดดีลไม่ได้ผ่าน Agent รายนั้น
- ข้อเสีย คือ เนื่องจาก Agent ถือสัญญาเปิดไว้ในมือค่อนข้างมาก Agent บางรายอาจจะเลือกทำการตลาดให้กับคอนโดที่มี potential ที่มีโอกาสขายได้สูงกว่า ดังนั้น ในฐานะผู้ขาย คุณอาจจะลองทำสัญญาเปิดกับAgent เหล่านี้หลายรายเช่นกัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินทรัพย์ของตอน แต่ต้องมั่นใจว่าในสัญญา คุณจะไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นในกรณีที่คอนโดปิดดีล โดยไม่ผ่าน Agent นั้น คำศัพท์ที่ Agent เหล่านี้ใช้ในการขอทำสัญญาคือ “ขออนุญาตทำการตลาด”
2) Agent แบบสัญญาปิด เป็นลักษณะการทำสัญญากับตัวแทน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบบริษัทที่ดำเนินการด้านนี้โดยเฉพาะ โดยลักษณะสัญญาเมื่อเราตัดสินเลือกใช้บริการกับบริษัทแบบนี้ ในสัญญาจะกำหนดไว้ชัดเจนว่าเราไม่สามารถใช้บริการตัวแทนอื่นพร้อมกันได้ หรือ หากคอนโดของเราถูกขายได้ ไม่ว่าจะโดยผ่านตัวแทนบริษัทนี้หรือไม่ เจ้าของคอนโดจำเป็นต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับบริษัทด้วยนั่นเอง
- ข้อดี คือ การใช้บริการบริษัทที่่มีความเชื่อถือได้ ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าบริษัทจะพยายามปิดการขายให้กับสินทรัพย์ของคุณ
- ข้อเสีย คือ สัญญาผูกมัด และมีเงื่อนไข
ส่วนตัวผู้เขียนเอง ผู้เขียนเคยถือสัญญาเปิดกับ Agent 2-3 ราย ควบคู่ไปกับการประกาศขายเอง ผ่านฟรีเว็บไซต์ และ ช่องทาง Facebook , Youtube
แต่ในท้ายที่สุด ปิดขายคอนโด ได้ผ่านช่องทางที่ลูกค้าติดต่อมาเองโดยตรงผ่านการโพสต์ขายเองในฟรีเว็บต่างๆ นั่นเอง ซึ่งผู้เขียนไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายหรือค่าคอมมิชชั่น ในการขายเลยแม้แต่น้อย รวมระยะเวลาในการถือครองคอนโด 4 ปี (จนถึงวันไถ่ถอนโอนกรรมสิทธิ์) และรวมระยะเวลาในการประกาศขายจนจบกระบวนการรวมเกือบๆ 1 ปี
แนะนำช่องทางในการประกาศขายเองสำหรับเจ้าของ โดยไม่เสียค่าใช้
Website | Youtube | |
DDproperty | CONDO EXCHANGE CENTER น่าจะเป็น เพจที่มีฐานข้อมูลแลกเปลี่ยนการซื้อขายคอนโด ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ฟรีแลนซ์ ที่ใหญ่ที่สุดเพจหนึ่ง โดยปัจจุบันมีฐานผู้เข้าร่วม 136K คน | การทำวิดีโอหรือรูปภาพสวยๆ ของบรรยากาศภายในห้องแบบง่ายๆ และPublic post ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้
*จำไว้ว่า การถ่ายรูปให้ออกมาดี ช่วยดึงความสนใจ Impressionในตัวสินทรัพย์ได้เยอะ |
pantipmarket | ||
property2share.com | ||
teedin108.com | ||
thaihometown | ||
Hipflat | ||
Kaidee.com | ||
TERRABKK |
เมื่อผ่านขั้นตอนการลงประกาศขาย ซึ่งหากคุณต้องการขายสินทรัพย์ได้เร็ว จำเป็นต้องมีความขยันในการโพสต์ข้อมูลในฟรีเว็บต่างๆ และคอยอัพเดทประกาศอยู่เสมอ
ในกรณีของ Condo exchange center ในแต่ละวันจะมีทั้งประกาศขาย ประกาศหาคอนโด จากทั้ง owner เองก็ดี หรือ ฟรีแลนซ์ Agent ก็ดี คำแนะนำ คือ คุณควรหมั่นเช็คในเพจให้บ่อย หรือถ้าให้ดี ในช่วงของการประกาศขาย ควรจะตั้ง See first /แจ้งเตือนความเคลื่อนไหวในเพจ เพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลสำคัญๆ ที่อาจจะมีข้อมูลที่ match กับคอนโดที่เราต้องการขายอยู่พอดี ก็เป็นได้
สิ่งสำคัญคือ คือในช่อง 3-6 เดือนแรกของการประกาศขาย อาจจะแทบไม่มีความคืบหน้าหรือผู้สนใจติดต่อมาเลยก็ได้ อย่าเพิ่งท้อและให้คอยอัพเดทข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ใช้ช่องทางออนไลน์เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด
(2) ตกลงซื้อขาย การทำสัญญา และขั้นตอนก่อนการโอนกรรมสิทธิ์
เมื่อผ่านขั้นตอนเหล่านี้มาได้ และคุณสามารถปิดดีลซื้อขายกับผู้จะซื้อปากเปล่าได้แล้ว ก็อย่าเพิ่งวางใจจนกว่าได้ทำสัญญาจะซื้อจะขาย และมีการวางมัดจำ โดยหลักแล้ว การวางมัดจำอาจอยู่ที่ประมาณ 10% ของราคาจะซื้อจะขายสินทรัพย์ เช่น หากคุณตกลงกันขายคอนโดอยู่ที่ 2 ล้านบาท ก็อาจจะวางมัดจำที่ 2 แสนบาท แต่ในความจริงแล้ว ไม่ค่อยมีการเรียกมัดจำที่ตัวเลขที่สูงขนาดนั้น โดยเฉพาะในกรณีคอนโดมือสองด้วยแล้ว
ดังนั้น คุณในฐานะผู้ขายอาจจะลองคุยตกลงกับผู้จะซื้อเพื่อให้ได้ตัวเลขมัดจำที่เหมาะสมและผู้จะซื้อสามารถจ่ายได้โดยไม่ลำบากเกินไป
1) กำหนดวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย และวางเงินมัดจำในวันนั้น การเตรียมสัญญาจะซื้อจะขาย ฝ่ายผู้ขายหรือผู้ซื้อเป็นผู้จัดเตรียมก็ได้ทั้งนั้น โดยคุณสามารถดาวน์โหลด >>> สัญญาจะซื้อจะขาย ในเว็บไซต์ และค่อยปรับเปลี่ยนในรายละเอียดที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย
คำแนะนำ
- ควรระบุระยะเวลาในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์นับจากวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย ตามแต่ตกลงกันที่เห็นสมควร โดยหลักแล้วอยู่ที่ประมาณ 30-60 วัน นับแต่วันที่ระบุในสัญญาจะซื้อจะขาย
- ควรแนบท้ายในสัญญา ระบุรายละเอียดของสินทรัพย์ ลักษณะในห้องชุด ทั้งของแถม และหากมีความเสียหายควรระบุให้ชัดเจนในสัญญาพร้อมรูป
- ควรเซ็นชื่อกำกับทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ทุกหน้าในสัญญา
- ในวันทำสัญญาควรนำพยานไปด้วยทั้งสองฝ่ายๆละหนึ่งคน
2) หลังจากนั้นในฝ่ายผู้ขายก็เพียงต้องรอทางผู้ซื้อไปดำเนินการกู้ยืมกับทางธนาคาร โดยผู้ซื้อจะใช้สัญญาจะซื้อจะขายในการไปทำเรื่องยื่นกู้กับทางธนาคาร ขั้นตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับสังกัดหน่วยงานของผู้ซื้อด้วยว่า มีขั้นตอนในการออกเอกสารรับรองต่างๆนานแค่ไหน ซึ่งผู้ซื้อก็ควรจะเผื่อเวลาไว้ตั้งแต่ตอนทำสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว โดยหลักแล้วขั้นตอนนี้ก็อยู่ที่ประมาณ 1 เดือน ที่จะได้ทราบความคืบหน้าจากผู้ซื้อ
ในกรณีของผู้เขียน ผู้เขียนได้รับแจ้งจากผู้จะซื้อในตอนนั้นว่าทางธนาคารที่เขายื่นกู้ แจ้งผลประเมินขั้นแรกผ่าน 90% ของราคาประเมิน (หลังจากวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย 1 เดือนกับ 5 วัน)
อนึ่ง ในกรณีของคอนโดมือสอง ส่วนใหญ่ธนาคารจะประเมินยอดให้กู้อยู่ที่ไม่เกิน 90% ของราคาประเมิน (ไม่ใช่ราคาซื้อขาย)
3) หลังได้รับแจ้งความคืบหน้าจากผู้ซื้อว่ายื่นกู้ผ่าน หลังจากนั้นประมาณ 9 วัน จะมีโทรศัพท์เข้ามานัดหมายเจ้าของคอนโด เพื่อขอเข้าไปประเมินคอนโดจริง ล่วงหน้า 1 วัน
คำแนะนำ
ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายต่างก็ภาวนาให้ยอดประเมินได้สูงกว่าราคาซื้อขายคอนโด เพื่อให้ครอบคลุมราคาซื้อขายที่ตกลงกันไว้ ดังนั้นหากในวันเข้าประเมิน ควรพยายามให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้เข้าประเมิน
ซึ่งการประเมิน ทางธนาคารจะให้บริษัทที่รับงานประเมินโดยเฉพาะในการเข้าประเมินหน้างาน(คอนโด) โดยมีหลักการประเมินในหลายด้าน ทั้งใช้ราคากลางของราคาห้องชุดในย่านนั้น สภาพแวดล้อม และอื่นๆเป็นตัวประเมินราคา
4) หลังจากการเข้าประเมิน 2 วัน ทางผู้จะซื้อติดต่อแจ้งว่าทางธนาคารที่เขาติดต่อขอยื่นกู้ (ในที่นี้ขอเรียกกว่า ธนาคาร A) อนุมัติยอดประเมินแล้ว พร้อมแจ้งยอดที่ทางธนาคารอนุมัติให้กู้ได้
และให้ทางเรา/ ผู้ขายไปติดต่อแจ้งธนาคารที่ติดจำนองห้องชุด (ในที่นี้ขอเรียกว่า ธนาคาร B) อยู่
5) เมื่อได้รับแจ้งจากผู้ซื้อมาแล้ว ควรรีบติดต่อ ธนาคาร B โดยเร็ว โดยแจ้งความประสงค์ “ขอไถ่ถอนจำนอง”
จากนั้น ทางธนาคาร B จะใช้เวลาในการดำเนินการเรื่องไถ่ถอนอยู่ที่ประมาณ 10 วันทำการหลังจากแจ้งไถ่ถอน ในระหว่างนั้น ทางธนาคาร B จะติดต่อกลับมา เพื่อแจ้งยอดเช็คในวันไถ่ถอน และเราก็นำยอด(ดังตัวอย่างตารางข้างล่าง) แจ้งกลับไปยังผู้ซื้อ ผู้ซื้อก็มีหน้าที่แจ้งทางธนาคาร A ในการออกเช็คนั่นเอง
อนึ่ง บางธนาคารจะมีการดีลกันเองระหว่างธนาคารเรื่องยอดเช็ค ซึ่งในกรณีนั้น ทางผู้ซื้อกับผู้ขายก็ไม่ต้องดำเนินการอะไร เพียงปล่อยให้ทางธนาคารทั้งสองดำเนินการให้
ผู้ซื้อ / ธนาคาร A | ยอด(บาท) |
ราคาซื้อขายคอนโดที่ตกลงกัน | 2,000,000 |
ราคาประเมินจากธนาคาร A ผ่าน | 2,000,000 |
ยอดกู้ที่ผู้ซื้อได้รับอนุมัติคือ 90% ของราคาประเมิน | 1,800,000 |
ผู้ขาย / ธนาคาร B | |
ยอดติดจำนองกับธนาคาร B (ยอดที่ยังผ่อนไม่หมด) | 1,500,000 |
กรณีนี้ ธนาคาร A ต้องออกเช็ค 2 ฉบับ | |
เช็คฉบับแรก เพื่อมอบให้ธนาคาร B ณ วันไถ่ถอน | 1,500,000 |
เช็คฉบับที่สอง ออกเช็คเป็นชื่อผู้ขาย | 300,000 |
คำแนะนำ
ควรจดและแจ้งยอดกับทางธนาคารให้ถูกต้อง เพราะทาง ธนาคาร A จะใช้ยอดนี้เพื่อออกเช็คไถ่ถอนในวันโอนกรรมสิทธิ์ หากตัวเลขผิดพลาดก็จะทำให้เสียเวลาต้องนัดหมายหรือแก้ไขใหม่
6) หลังจากนั้นก็ทำการนัดวันจดจำนองโอนกรรมสิทธิ์ที่สะดวกทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
7) เมื่อได้วันโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ให้เจ้าของห้องชุด ติดต่อขอใบปลอดหนี้จากนิติคอนโด ใบปลอดหนี้ คือ เอกสารรับรองที่แสดงการปลอดยอดหนี้ค้างกับทางนิติฯ เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ และค่าอื่นๆ เป็นต้น
ซึ่งระยะเวลาการดำเนินการขึ้นอยู่กับนิติฯแต่ละบริษัท ใช้ระยะเวลาในการออกใบปลอดหนี้ไม่เท่ากัน ดังนั้นควรสอบถามกับทางนิติฯก่อนล่วงหน้าที่จะนัดวันโอนกรรมสิทธิ์ และใบปลอดหนี้มีผลใช้ได้ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ออก
8) ก่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อและผู้ขายควรมีการนัดหมายเข้าดูสภาพคอนโดที่จะส่งมอบให้ผู้ซื้อ หากติดขัดปัญหาประการใด ควรแก้ไขให้เสร็จสิ้นก่อนวันนัดหมายไถ่ถอนโอนกรรมสิทธิ์
(3) วันโอนกรรมสิทธิ์
ในกรณีของผู้เขียน รวมเวลาทั้งหมด 20 วันหลังจากติดต่อแจ้งธนาคาร B เรื่องขอไถ่ถอนจำนอง ก็ได้เวลาเป็นไท ปลอดหนี้สักที
ขั้นตอนในวันนั้น อาจจะดูยุ่งยากสักหน่อย แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะจะมีตัวแทนของธนาคารทั้งสองฝั่งคอยดำเนินการเดินเรื่องกับทางเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานที่ดิน
สถานที่นัดหมายในการไปไถ่ถอนและจดจำนอง คือ สำนักงานที่ดินพื้นที่ที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่
สิ่งที่คุณต้องทำคือ ไปแสดงตัวและเซ็นเอกสาร และหากมีคู่สมรส ก็จำเป็นต้องพาคู่สมรสไปด้วย
ขั้นตอนในวันนี้ มีดังนี้
- จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองห้องชุด เพื่อให้ธนาคารที่เป็นผู้รับจำนองคอนโด ไถ่ถอนห้องชุดนั้นๆให้กับผู้ขาย โดยค่าธรรมเนียมกับสำนักงานที่ดินอยู่ที่ 5 บาท
- จดทะเบียนขายห้องชุด การจดทะเบียนนี้เป็นการจดทะเบียนระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ว่าผู้ขายได้ขายห้องชุดให้กับผู้ซื้อ ซึ่งค่าธรรมเนียมในการขายห้องชุดนั้นจะอยู่ที่ร้อยละ 2 จากราคาประเมินทุนทรัพย์ของห้องชุด แต่ในกรณีที่ผู้ขายซื้อคอนโดมาไม่ถึง 5 ปี หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านไม่ถึง 1 ปี จะเสียภาษีธุรกิจเฉพาะอีกร้อยละ 3.3 จากราคาประเมิน ถ้าเสียภาษีนี้แล้วไม่ต้องเสียค่าอากร 0.5%
- จดทะเบียนจำนองห้องชุด การจดทะเบียนนี้จะเป็นการจดทะเบียนระหว่างผู้ซื้อกับธนาคารที่รับจำนอง เป็นขั้นตอนของผู้ซื้ออย่างเดียว
เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม
- บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมถ่ายสำเนาไปเผื่อ
- ทะเบียนบ้านตัวจริง พร้อมถ่ายสำเนาไปเผื่อ
- สัญญาจะซื้อจะขายตัวจริง พร้อมถ่ายสำเนาไปเผื่อ
- ใบปลอดหนี้ที่ออกโดยนิติฯคอนโด (ออกไม่เกิน 7 วัน) พร้อมถ่ายสำเนาไปเผื่อ
- โฉนดห้องชุดฉบับจริง (ฉบับจริงอยู่ที่ธนาคาร B) พร้อมถ่ายสำเนาไปเผื่อ
อนึ่ง เรื่องเอกสารที่ควรนำไปวันไถ่ถอนนั้น สามารถสอบถามได้กับทางเจ้าหน้าที่ธนาคารก่อนวันนัดไถ่ถอน
ค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์ | ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย |
ค่าธรรมเนียมการโอน ร้อยละ 2 ของราคาประเมิน | ผู้ซื้อกับผู้ขายคนละครึ่ง |
ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะร้อยละ 3.3 ของราคาประเมิน | ผู้ขาย เสียภาษีนี้ในกรณีซื้อคอนโดหรืออสังหาริมทรัพย์มาไม่เกิน 5 ปี หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านน้อยกว่า 1 ปี
ถ้ามีการเสียภาษีนี้แล้วก็ไม่ต้องเสียภาษีอากรร้อย 0.5 อีก |
ค่าภาษีอากรร้อยละ 0.5 ของราคาซื้อขาย | ผู้ขาย |
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ขึ้นอยู่กับราคาซื้อขาย | ผู้ขาย เพราะเป็นรายได้ของผู้ขาย |
ค่าจดจำนอง | ผู้ซื้อ |
(4) หลังโอนกรรมสิทธิ์
หลังการจดทะเบียนไถ่ถอนเรียบร้อย เราจะได้สำเนาโฉนดห้องชุดที่สลักหลังการไถ่ถอนชื่อเราออก และจดทะเบียนเจ้าของกรรมสิทธิ์คนใหม่ และในส่วนของผู้ขายก็ส่งมอบกุญแจและอื่นๆที่จำเป็นแก่เจ้าของคนใหม่ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการไถ่ถอนและถือว่าเราเกือบเป็นไทแก่ตัวแล้ว
แต่ยังเหลือเรื่องให้ไปดำเนินการให้เรียบร้อยอีกสองสามเรื่อง ก็จะเป็นอันจบสิ้นกระบวนการโอนถ่ายกรรมสิทธิ์คอนโดให้กับผู้ซื้อรายใหม่
1) โอนมิเตอร์ไฟจากชื่อเรา(ผู้โอน) ให้เป็นชื่อคนซื้อใหม่(ผู้รับโอน) ซึ่งสามารถทำได้ภายในวันเดียวกับวันไถ่ถอน โดยไปติดต่อที่ทำการไฟฟ้าที่คุณสะดวก ผู้ขายหรือผู้ซื้อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถไปเองได้ เพียงแค่ทำหนังสือมอบอำนาจให้อีกฝ่ายไปดำเนินการเรื่องแทน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การไฟฟ้านครหลวง หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้รับและผู้โอน สำเนามาด้วยอย่างละ 2 ชุด
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับและผู้โอน(กรณีที่อยู่ตามทะเบียนบ้านคนละแห่งกัน) สำเนามาด้วยอย่างละ 2 ชุด
- สำเนาทะเบียนบ้านที่ใช้ไฟฟ้า สำเนามาด้วยอย่างละ 2 ชุด
- สำเนาสัญญาซื้อขายคอนโด ทด13. (กรณีที่มีการซื้อขายคอนโด) สำเนามาด้วยอย่างละ 2 ชุด
- ใบเสร็จค่าไฟฟ้าครั้งสุดท้ายของผู้โอน สำเนามาด้วยอย่างละ 2 ชุด
- หลักฐานอื่น ๆ ที่จำเป็น ( ใบเปลี่ยนชื่อหรือใบเปลี่ยนนามสกุล ถ้ามี) สำเนามาด้วยอย่างละ 2 ชุด
- ใบเสร็จรับเงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้าของผู้โอน (กรณีใบเสร็จสูญหายให้ติดต่อแผนกการเงิน) สำเนามาด้วยอย่างละ 2 ชุด
- ในกรณีที่ผู้รับโอนไม่สามารถมาด้วย ผู้โอนจะต้องนำเอกสารเพิ่มเติม คือ หนังสือมอบอำนาจจากผู้รับโอนพร้อมลายเซ็นต์ สำเนามาด้วยอย่างละ 2 ชุด
2) หากคุณมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกับคอนโดที่เพิ่งขายไป ให้ทำเรื่องย้ายออกจากทะเบียนบ้านนั้นและย้ายเข้ายังที่ใหม่แทน กรณีที่ต้องการย้ายกลับเข้าทะเบียนตามภูมิลำเนาเดิม สามารถให้เจ้าบ้าน (บิดาหรือมารดา)แจ้งย้ายเข้าแทนเราได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา (ใช้เพียงเอกสารสำคัญ)
3) เปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนใหม่หากต้องการ เนื่องจากเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่อยู่
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังต้องการขายคอนโดของตนเองอยู่ไม่มากก็น้อย
Leave a Reply