อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ …

อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ … 

รับแสงแดดอ่อนๆยามเช้า

เป็นประโยคยอดฮิตติดชาร์ทประโยคหนึ่ง ที่เราจะได้ยิน ได้เห็นผ่านตาบ่อยมากๆ ทั้งใน facebook, social media ทั้งหลาย

 

เด็กนักเรียน อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ เพราะนั่นหมายถึงวันสุดท้ายของสัปดาห์ในการต้องไปโรงเรียน

ผู้ใหญ่ อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ เพราะนั่นหมายถึงวันสุดท้ายของสัปดาห์ในการต้องไปทำงาน

 

ในโลกที่ถูกกำหนดให้ในหนึ่งสัปดาห์มีวันทำงาน 5 วัน และวันหยุดมี 2 วัน หรือบางบริษัทอาจจะต้องทำงานถึง 6 วันในหนึ่งสัปดาห์ก็มี

หากเราเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานให้องค์กรหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งนั้น ระบบวันทำงานที่ถูกยอมรับและนำมาใช้กันทั่วโลกนี้ เราคงไม่สามารถปฏิเสธกฎระเบียบเหล่านี้ได้

ยิ่งในโลกที่ทุกอย่างก้าวหน้าและเทคโนโลยีเองก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างก็เรียกได้ว่า แทบจะหมุนเร็วตามไปด้วย การทำงานยิ่งต้องทวีความเข้มข้นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

 

ผู้เขียนเอง เคยผ่านประสบการณ์การเป็นพนักงานบริษัท มนุษย์เงินเดือนมาก่อน ก็เหมือนกับหลายๆคน พอถึงวันศุกร์ทีไร จิตใจจะเบิกบานสดใส เพราะคืนวันศุกร์จะได้

ไปเฮกับเพื่อนๆ เช้าวันเสาร์นี่ยิ่งรื่นเริงบันเทิงใจ พอตกเย็นวันอาทิตย์ก็จะเริ่มห่อเหี่ยวเบาๆ ภาวนาว่าให้คืนวันอาทิตย์ผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ในที่สุดเช้าวันจันทร์ก็มาถึง…

 

อยู่แบบนี้ วนไปเวียนไป สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า จากสัปดาห์ก็กลายเป็นเดือน จากเดือนก็กลายเป็นปี และ ปีแล้ว ปีเล่า… ที่เราต้องใช้ชีวิตไปพร้อมๆกับความรู้สึกแบบนี้

 

เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีความรู้สึกแบบนี้ แน่นอนว่าบางคนก็มีความสุขและรักในสิ่งที่ทำ แต่อีกมุมหนึ่งก็มีหลายๆคนที่ใช้ชีวิตการทำงานมาอย่างเหนื่อยหน่าย

 

ผู้เขียนเองเคยมีช่วงชีวิตทำงานที่สนุก มีไฟ และความกระตือรือร้นในการจะออกไปทำงาน ตื่นมาก็รู้สึกสนุกอยากไปทำงาน แม้กระทั่งวันเสาร์อาทิตย์ถึงให้มาบริษัทก็รู้สึกไม่เกี่ยงงอน

 

แต่เวลาผ่านไป เมื่อเราผ่านและเห็นอะไรมากขึ้น ความรู้สึกเราเองก็เริ่มเปลี่ยนไป

สิ่งที่เราเคยสนุกตอนแรก กลับไม่สนุกอีกต่อไป 

การไปบริษัทที่เคยกระตือรือร้น กลับเฉื่อยชาลง 

ทั้งหมดเราไม่อาจโยนความผิดไปให้ใครได้

ไม่ใช่บริษัท ไม่ใช่สภาพแวดล้อมรอบกาย ไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน 

เพราะบริษัทก็เป็นเป็นบริษัทเดิมที่เราเคยชื่นชอบในวันแรก

เพื่อนร่วมงาน สภาพแวดล้อมการทำงานก็เหมือนกัน 

แต่บางทีอาจจะเป็นความคิดของเราเองที่เปลี่ยนไป รู้มากขึ้น เข้าใจมากขึ้น 

สิ่งที่เคยมองว่าดีในตอนแรก ก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีอีกต่อไป

 

จนถึงวันหนึ่ง เมื่อความกดดันถึงขีดสุด และเราเกิดคำถามกับตนเองว่า “เรามาทำอะไรที่นี่ เรากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมเราต้องทำงานให้องค์กรๆหนึ่งเพียงเพื่อจะรับเงินเดือนไม่กี่หมื่นบาท แล้วความสุขในชีวิตเรากลับไม่มีอีกแล้ว”

 

ตั้งแต่วันนั้น ผู้เขียนให้คำตอบกับตนเองว่า การทำงานประจำให้กับองค์กรใดๆนั้น ไม่ใช่คำตอบของชีวิตตนเองอีกต่อไป

… และทุกวันนี้ ขณะนี้ที่กำลังเขียนบล็อคอยู่ ผู้เขียนได้มองย้อนกลับไปในอดีตและรู้สึกว่าตนเองโชคดีกว่าอีกหลายๆคนนัก

ที่สามารถเลือกที่จะทำงานที่ตนเองกำหนดเองได้ เลือกที่จะทำงานที่เรามีอิสระทางเวลา ไม่จำเป็นต้องนึกกังวลเรื่องวันศุกร์อีกต่อไป

 

ถึงแม้ผลตอบแทนของคนทำงานอิสระอาจจะไม่มีสิ่งที่พนักงานประจำส่วนใหญ่คิดว่ามี คือ ความมั่นคงและสม่ำเสมอ

แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นทางเลือกของผู้เขียนเอง เป็นทางเลือกที่ชีวิตเรากำหนดเอง และเราก็มีความสุขที่ได้ทำมัน

 


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

CAPTCHA


Share via
Copy link
Powered by Social Snap