Month: October 2020

  • เมื่อญี่ปุ่นเริ่มนำ AI มาใช้ในร้านขนมปัง

    เมื่อญี่ปุ่นเริ่มนำ AI มาใช้ในร้านขนมปัง ระบบนี้มีชื่อว่า Bakery scan เป็นผลงานการผลิตของบริษัทที่มีชื่อว่า Brain หนึ่งในบริษัทญี่ปุ่นที่เน้นการพัฒนาด้านเทคโนโลยี machine learning, deep learning อัลกอริซึ่มของ AI Bakery scan เป็นหนึ่งในผลงานการคิดค้นของบริษัทแห่งนี้ และเริ่มมีร้านเบเกอรี่ในญี่ปุ่นได้นำเทคโนโลยีตัวนี้ไปใช้ธุรกิจของตนเองบ้างแล้ว   หลักการทำงาน เมื่อลูกค้าเลือกซื้อขนมปังแล้ว หลังจากนั้นก็นำถาดขนมปังมาวางบนเครื่อง bakery scan ซึ่งเครื่องจะสแกนชนิดขนมปังได้อย่างแม่นยำถึงแม้ว่าขนมปังอาจจะมีรูปร่างใกล้เคียงกัน ซึ่งจะช่วยให้การคิดราคาทำได้ง่าย โดยที่พนักงานไม่จำเป็นต้องจำราคาหรือแม้แต่ชนิดของขนมปังได้ ก็สามารถคิดราคาสินค้าให้ลูกค้าได้อย่างถูกต้อง   เครื่องนี้ตอบโจทย์ชาวญี่ปุ่นอย่างไร ปัจจุบันร้านที่นำเครื่องนี้มาใช้ยังใช้งานเครื่อง ควบคู่ไปกับการใช้พนักงานแคชเชียร์ เมื่อเครื่องสแกนและคำนวณราคาเสร็จ พนักงานจะเป็นคนจัดขนมปังใส่ถุงให้ลูกค้า ด้วยหลักการทำงานที่แสนง่ายและสะดวกต่อทั้งพนักงานและลูกค้า การมีเครื่องสแกนแบบนี้เข้ามาช่วย ทำให้เจ้าของร้านหรือผู้ประกอบการสามารถวางใจได้ระดับหนึ่งว่า ถึงแม้จะมีพนักงานพาร์ทไทม์ที่ทำงานเป็นกะ และหมุนเวียนเข้าออกตลอดเวลา ก็จะไม่มีผลต่อการคิดราคาสินค้าให้ลูกค้าผิดพลาด ญี่ปุ่นปัจจุบันขาดแคลนแรงงานค่อนข้างมาก ถึงแม้จะเปิดรับแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานเพิ่มมากขึ้นก็ตาม และแน่นอนว่า การใช้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในธุรกิจแบบนี้ จะมีข้อดีอีกอย่างคือ ถึงแม้แรงงานต่างชาติก็สามารถอำนวยประโยชน์ในการทำงานได้มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย   และอนาคตหากมีการจัดการระบบได้อย่างเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ร้านค้าและธุรกิจหลายอย่างก็เริ่มนำ self-cashier มาใช้ เพื่อทดแทนการขาดแรงงาน ยิ่งเมื่อใช้ควบคู่ไปกับเครื่องสแกนเบเกอรี่ได้แล้วนั้น…

  • เมื่อโควิด19 มาเปลี่ยนวิถีชีวิตคนญี่ปุ่น

    เมื่อโควิด19 มาเปลี่ยนวิถีชีวิตคนญี่ปุ่น

    เมื่อโควิด19 มาเปลี่ยนวิถีชีวิตคนญี่ปุ่น จากนี้ไปโตเกียวอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป?   ตั้งแต่มีโควิด19 เกิดขึ้น หลายๆสิ่งหลายๆอย่าง รวมทั้งวิถีชีวิตคนเกือบทั่วโลกต้องเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย ถึงแม้ตอนนี้ที่ไทย จะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติได้มากขึ้นก็ตาม แต่ที่ญี่ปุ่น การสวมแมสก์ยังเป็นสิ่งจำเป็น ในการออกไปไหนมาไหน ความตึงเครียดอาจจะผ่อนคลายลงไปบ้าง แต่สถานการณ์หลายๆอย่างในญี่ปุ่น ทั้งสภาพเศรษฐกิจยังคงเป็นปัญหาท้าทายรอให้นายกฯสุกะ ต้องแก้ไขต่อไป   แน่นอนว่า ที่ญี่ปุ่นก็เหมือนกับประเทศไทยที่บริษัทหลายๆแห่งต่างพร้อมใจกันให้พนักงานทำงานจากบ้าน ที่ไทยเราเรียกว่า work from home ในขณะที่ญี่ปุ่นเรียกว่า Telework テレワーク หรือการให้ทำงานได้จากที่บ้านและใช้การติดต่อสื่อสารผ่านระบบสื่อสารนั่นเอง   เมื่อคนญี่ปุ่นหลายคนได้เริ่มทำงานจากที่บ้าน ก็ดูเหมือนว่า ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของหลายๆคนก็เริ่มค่อยๆเปลี่ยนไป แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบการทำงานจากที่บ้าน เพราะนั่นหมายถึงการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานส่วนหนึ่งแทบจะหายไป   แต่ในขณะที่หลายคนก็เริ่มปรับตัวและการได้ทำงานจากที่บ้าน ก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีไม่น้อยกับคนญี่ปุ่น เมื่อไม่นานมานี้ สถานีโทรทัศน์ของญี่ปุ่นได้ทำสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับ พิษของโควิดที่ทำให้พนักงานบริษัทที่ต้องเปลี่ยนสถานที่ทำงานจากที่บริษัท มาเป็นที่บ้าน   เริ่มคิดเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการย้ายที่อยู่ โดยความต้องการในการมีที่พักอาศัยที่ห่างจากโตเกียวออกไปในรัศมีไม่เกิน 100 กม. เพิ่มมากขึ้น เนื่องด้วยความจำเป็นในการเดินทางไปทำงานทุกวันนั้นลดลง    ดังนั้นการได้พักอาศัยห่างไกลออกจากตัวเมืองหลวงที่แออัดจอแจ เช่น โตเกียวแล้วนั้น กลับเป็นตัวเลือกที่หลายคนเริ่มให้ความสนใจ ซึ่งสองจังหวัดที่เข้าตามากที่สุด เห็นจะเป็นจังหวัดปริมณฑลรอบตัว…

  • ผู้อพยพลี้ภัย… กับชีวิตที่แม้เกิดมา ก็ไม่สามารถเลือกได้

    ผู้อพยพลี้ภัย… กับชีวิตที่แม้เกิดมา ก็ไม่สามารถเลือกได้

    ในขณะที่ชีวิตส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ เกิดมาแม้จะไม่ได้ร่ำรวยมีเงินทองมากมาย แต่ก็สามารถใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานได้อย่างพอเพียง แต่รู้หรือไม่ว่าในขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายชีวิตบนโลกใบนี้ ที่คนเหล่านั้นไม่สามารถเลือกแผ่นดินที่เกิดได้  ในขณะที่เรายังกล่าวโทษคนมากมายกับชีวิตที่ไม่ได้ดั่งใจ แต่ในขณะเดียวกัน อีกหลายชีวิตบนโลกใบนี้ ไม่รู้แม้แต่จะกล่าวโทษ “ใคร” หรือ “อะไร”ดี   เมื่อสงคราม ภัยพิบัติธรรมชาติ และปัจจัยอื่นๆ บีบบังคับให้คนต้องหนีออกจากแผ่นดินเกิดที่แท้จริงแล้ว ควรจะเป็นหลักให้กับชีวิตเพราะ ตั้งแต่ลืมตาดูโลกขึ้นมา ประเทศที่มีแต่สงคราม ความรุนแรง ครอบครัวอาจถูกฆ่า พวกเขากลายเป็นเด็กกำพร้า กลายเป็นคนไร้บ้าน ไม่มีสิทธิเลือกอาหารที่จะกิน ไม่มีโอกาสในการใช้ชีวิตแม้แต่ขั้นพื้นฐานที่พอเพียง … ไม่มีแม้แต่อนาคต จึงทำให้เกิดคนเหล่านี้ที่เรียกว่า ผู้อพยพลี้ภัย Refugee อ้างอิงจากสถิติขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN มีประชาชนที่กลายเป็นผู้อพยพลี้ภัยถึง79.5 ล้านคน ใกล้เคียงจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศ   79.5 ล้านคน  ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อย และบ่งบอกอะไรบางอย่างอย่างมีนัยยสำคัญ โดยผู้อพยพส่วนใหญ่มาจากประเทศเหล่านี้ตามลำดับ Syrian Arab Republic (6.7 million) Afghanistan (2.7 million) South Sudan (2.3 million)…

  • Deepfake เทคโนโลยีอันตราย … ถ้าเอาไปใช้ในทางไม่ดี

    เทคโนโลยี AI นั้น สามารถนำไปสร้างประโยชน์ได้มากมาย ในขณะเดียวกัน หากถูกนำไปใช้ในด้านไม่ดี ก็อาจส่งผลเสียได้เช่นกัน Deepfake เป็นซอฟแวร์ที่นำหลักการการทำงานที่เรียกว่า Deep Learning อัลกอลิซึ่มของปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence มาใช้ และเมื่อรวมกับคำว่า fake ซึ่งหมายถึง เรื่องไม่จริง สิ่งที่ไม่เป็นจริง และนี่คือความอันตรายของ Deepfake คือ การสร้างสิ่งที่ไม่เป็นจริง ให้เหมือนจริง และนำไปให้ข้อมูลกับประชาชนในทางที่ผิด หรือ fake news   หลักการทำงานของ Deepfake อย่างที่บอก อัลกอลิซึ่มที่แสนฉลาดของ AI  ที่เรียกว่า Deep Learning จะเรียนรู้ในการจับทั้งภาพนิ่งของใบหน้าและภาพเคลื่อนไหวในวิดีโอต่างๆ ของภาพต้นแบบนั้น อธิบายง่ายๆก็คือ การสวมใบหน้าต้นแบบนั้นโดยคนอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่เจ้าของใบหน้าตัวจริง และสามารถพูดหรือให้ข้อมูลที่เจ้าของใบหน้าตัวจริง ไม่ได้พูดเช่นนั้น หรือก็คือ fake news นั่นเอง   ความอันตรายของ Deepfake ในช่วงแรกซอฟแวร์นี้ถูกนำมาใช้แค่ล้อเลียนคนดังต่างๆ แต่อันตรายคือ ใครก็ตามที่มีคอมพิวเตอร์ก็สามารถเข้าถึงซอฟแวร์นี้และสามารถถูกนำไปใช้ได้ ทำให้ไม่เพียงแต่คนดังต่างๆเท่านั้น…

  • คิดแบบญี่ปุ่น : การรักษาลูกค้า ให้อยู่กับธุรกิจ

    สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ หรือแม้แต่ให้อยู่รอด ในยุคปัจจุบัน ทั้งการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ธุรกิจใหม่ๆ ร้านค้าใหม่ๆ พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ทั้งออนไลน์ ออฟไลฟ์เกิดขึ้นมากมาย ยิ่งในยุคโควิดนี้ด้วยแล้ว การแข่งขันทางธุรกิจยิ่งทวีความรุนแรง ใครที่สามารถสร้างข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง นั่นย่อมสามารถเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดให้ธุรกิจได้มากขึ้น แต่การหาลูกค้าใหม่ๆที่ว่ายากแล้ว สิ่งที่ยากและสำคัญไม่เป็นสองรองสิ่งใด คือ การรักษาฐานลูกค้าเก่า ให้ยังคงอยู่กับเรา ให้ยังซื้อสินค้าจากธุรกิจนั้นๆ เป็นสิ่งที่ท้าทายไม่แพ้กัน ยิ่งมีสินค้าใหม่ๆ จากคู่แข่งเกิดขึ้นอยู่ตลอดแล้วนั้น จะทำอย่างไรให้ลูกค้าไม่หันไป(ลอง)ซื้อสินค้าจากคู่แข่ง แทนเรา   แน่นอนว่า คุณภาพของสินค้า ก็สำคัญ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ และเป็นกุญแจสำหรับทุกๆธุรกิจ คือ “การบริการหรือ serivce” การบริการที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจให้กับลูกค้าไม่ว่าในแง่ใดแง่หนึ่งนั้น ย่อมเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ายังคงเลือกอยู่กับธุรกิจนั้นๆต่อ   “การบริการหรือ serivce” มีความหมายที่ค่อนข้างกว้าง ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่เป็นเรื่องที่ยากที่สุดในแง่ของการปฏิบัติ เพราะเราไม่มีทางเข้าใจจุดเซ็นซิทีฟของลูกค้าได้อย่างถ่องแท้ การให้บริการโดยพยายาม “คิดถึงใจเขา ใจเรา จึงเป็นการพยายามเข้าไปนั่งในใจของลูกค้าให้มากที่สุด”  หากเราเป็นลูกค้า และเจอประสบการณ์แบบนี้ เราจะยังอยากซื้อหรือใช้บริการจากธุรกิจนี้หรือไม่ นี่เป็นคำถามพื้นฐานสามัญ ที่ควรมีอยู่ในใจเสมอ  ญี่ปุ่น เป็นประเทศหนึ่งที่มีชื่อเสียงในแง่ของการสร้างความประทับใจในด้านการบริการให้แก่ลูกค้า ยิ่งนักท่องเที่ยวต่างประเทศส่วนใหญ่ ยิ่งประทับใจในการบริการแบบญี่ปุ่นที่ค่อนข้างมีมารยาทและให้ความสนใจแม้แต่ “เรื่องเล็กๆน้อยๆของลูกค้า” …

  • อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ …

    อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ …  เป็นประโยคยอดฮิตติดชาร์ทประโยคหนึ่ง ที่เราจะได้ยิน ได้เห็นผ่านตาบ่อยมากๆ ทั้งใน facebook, social media ทั้งหลาย   เด็กนักเรียน อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ เพราะนั่นหมายถึงวันสุดท้ายของสัปดาห์ในการต้องไปโรงเรียน ผู้ใหญ่ อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ เพราะนั่นหมายถึงวันสุดท้ายของสัปดาห์ในการต้องไปทำงาน   ในโลกที่ถูกกำหนดให้ในหนึ่งสัปดาห์มีวันทำงาน 5 วัน และวันหยุดมี 2 วัน หรือบางบริษัทอาจจะต้องทำงานถึง 6 วันในหนึ่งสัปดาห์ก็มี หากเราเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานให้องค์กรหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งนั้น ระบบวันทำงานที่ถูกยอมรับและนำมาใช้กันทั่วโลกนี้ เราคงไม่สามารถปฏิเสธกฎระเบียบเหล่านี้ได้ ยิ่งในโลกที่ทุกอย่างก้าวหน้าและเทคโนโลยีเองก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างก็เรียกได้ว่า แทบจะหมุนเร็วตามไปด้วย การทำงานยิ่งต้องทวีความเข้มข้นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว   ผู้เขียนเอง เคยผ่านประสบการณ์การเป็นพนักงานบริษัท มนุษย์เงินเดือนมาก่อน ก็เหมือนกับหลายๆคน พอถึงวันศุกร์ทีไร จิตใจจะเบิกบานสดใส เพราะคืนวันศุกร์จะได้ ไปเฮกับเพื่อนๆ เช้าวันเสาร์นี่ยิ่งรื่นเริงบันเทิงใจ พอตกเย็นวันอาทิตย์ก็จะเริ่มห่อเหี่ยวเบาๆ ภาวนาว่าให้คืนวันอาทิตย์ผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ในที่สุดเช้าวันจันทร์ก็มาถึง…   อยู่แบบนี้ วนไปเวียนไป สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า จากสัปดาห์ก็กลายเป็นเดือน จากเดือนก็กลายเป็นปี และ ปีแล้ว ปีเล่า……

  • ชีวิตเริ่มต้นใหม่ทุกๆวัน 7 สิ่งที่ควรทำทุกเช้าให้เป็นนิสัย

    ชีวิตเริ่มต้นใหม่ทุกๆวัน 7 สิ่งที่ควรทำทุกเช้าให้เป็นนิสัย

    ชีวิตคนเราเริ่มต้นใหม่ทุกๆวันในทุกๆเช้า หากเราได้เริ่มต้นวันใหม่ในทุกๆเช้าได้อย่างมีคุณภาพ การใช้ชีวิตตลอดทั้งวันก็ย่อมมีคุณภาพตามไปด้วย ลองนำ 7 ข้อ ไปลองปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเราและปฏิบัติทุกๆวันให้เป็นกิจวัตร เชื่อแน่ว่า คุณภาพการใช้ชีวิตที่ดี ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลาที่คุณตื่นนอนนั่นเอง ปรับเวลาตื่นนอนให้เป็นเวลา การกำหนดเวลาตื่นนอนให้เป็นเวลา ช่วยสร้างวินัยให้กับการชีวิตประจำวันได้อย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มต้นตั้งแต่การตื่นนอนในตอนเช้า หากเรากำหนดเวลาการตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันในทุกๆเช้า จะทำให้ร่างกายเราจดจำเวลาได้โดยอัตโนมัติ เป็นการสร้างนาฬิกาชีวิตที่ดีไปในตัว   ดื่มน้ำสะอาดแก้วโตๆ หลังตื่นนอน แนะนำให้ดื่มน้ำสะอาดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และควรเป็นน้ำที่อุณหภูมิห้อง ปริมาณน้ำที่ดื่มนั้น ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละคนจะรับได้ อย่างผู้เขียนเอง ดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอนในทุกๆเช้า เป็นเวลาร่วมสิบปีแล้ว โดยปริมาณที่ดื่มคือ หนึ่งแก้วใหญ่ๆ หรือปริมาณที่เราดื่มแล้วรู้สึกเต็มท้อง การดื่มน้ำหลังตื่นนอนทันที โดยที่ยังไม่ต้องแปรงฟัน จะช่วยในเรื่องการขับถ่ายได้อย่างดี เพราะจุลินทรีย์ที่ดีในช่องปากเราจะถูกน้ำชำระล้างลงไปลำไส้และกระตุุ้นให้เราขับถ่ายได้ง่ายในทุกๆเช้า   ขับถ่ายให้เป็นเวลาในตอนเช้า การขับถ่ายได้คล่องในตอนเช้า แนะนำให้เริ่มตั้งแต่การดื่มน้ำในตอนเช้าทันทีหลังตื่นนอน ดยที่ยังไม่ต้องแปรงฟัน จะช่วยในเรื่องการขับถ่ายได้อย่างดี เพราะจุลินทรีย์ที่ดีในช่องปากเราจะถูกน้ำชำระล้างลงไปลำไส้และกระตุุ้นให้เราขับถ่ายได้ง่ายในทุกๆเช้า อย่างผู้เขียนเอง ดื่มน้ำและขับถ่ายเป็นเวลาในตอนเช้าเป็นเวลากว่าสิบปี เพราปฏิบัติตามสิ่งเหล่านี้อย่างมีวินัยต่อเนื่อง ซึ่งช่วงแรกที่เริ่มดื่มน้ำตอนเช้า อาจจะยังไม่ค่อยเห็นผลก็เป็นได้ แต่พอเราเริ่มดื่มน้ำตอนเช้าไปได้สักระยะ ร่างกายจะเริ่มขับถ่ายเป็นเวลา โดยเฉลี่ยในกรณีของผู้เขียน หลังดื่มน้ำประมาณ 30 นาทีจะเริ่มปวดท้องขับถ่าย การทำควบคู่กับการตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันในทุกๆเช้า จะยิ่งทำให้ร่างกายจดจำเวลานาฬิกาชีวิตได้ง่ายขึ้นอีกด้วย และข้อดีของการขับถ่ายเป็นเวลาในตอนเช้านอกจากจะทำให้ท้องโล่งสบายแล้ว…

  • อัพเดทญี่ปุ่น : ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2020 นี้ ญี่ปุ่นมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง

    by

    in

    ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2020 นี้ ญี่ปุ่นมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง 1.ปรับเปลี่ยนกฎหมายเกี่ยวกับภาษีสุรา โดยจะมีการแก้ไขกฎหมายภาษีสุราทุกๆ สามปี ซึ่งราคาภาษีสุรา (หมายรวมถึงเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด) จะปรับลดลงในส่วนของสินค้าที่มีการบริโภคลดลงอย่างเช่น สาเก หรือ เบียร์ ในขณะที่สินค้าแอลกอฮอล์ที่มีการบริโภคสูง จะถูกปรับราคาภาษีขึ้น เป็นต้น 2. ปรับขึ้นภาษีบุหรี่ ส่งผลให้สินค้าประเภทบุหรี่จะมีการปรับราคาขึ้น อยู่ในระหว่างช่วงราคา 30-60 เยนต่อซอง ขึ้นอยู่ชนิดของบุหรี่ 3.ญี่ปุ่นจะเริ่มเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้บางส่วน ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัด สำหรับผู้ถือวีซ่าญี่ปุ่นระยะกลางและระยะยาว เช่น ผู้ที่ต้องเดินทางมาทำงานในญี่ปุ่น หรือ นักศึกษา เป็นต้น และวีซ่าระยะสั้นในกรณีของการเดินทางเพื่อธุรกิจ แต่ในส่วนของนักท่องเที่ยวนั้นยังไม่ได้เริ่มเปิดให้เข้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผู้ที่ถือวีซ่าญี่ปุ่น ควรศึกษาเกี่ยวกับข้อกำหนดการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นให้เรียบร้อยก่อนการเดินทางเข้าประเทศ https://www.mofa.go.jp/ca/fna/page22e_000921.html   4. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะเริ่มให้ประชาชนเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ โดยเริ่มต้นจะเน้นให้ผู้สูงอายุเข้ารับบริการก่อน ก่อนที่จะทะยอยเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ารับการฉีดวัคซีน 5. รูปแบบการประกาศในเครื่องบิน จะเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนที่จะใช้ประโยคภาษาญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ต่อไปนี้สายการบินญี่ปุ่นจะเปลี่ยนรูปแบบการประกาศ โดยใช้ภาษาอังกฤษ เช่น Attention, all…